เมื่อความประทับใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยระหว่างการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งพร้อมด้วยสาธารณสุขที่ดี กับความอบอุ่นที่ได้รับ ยังอยู่ในความทรงจำของพวกเขาเหล่านั้น จนกลายเป็นข่าวคราวที่ทำให้เวลานี้เมืองไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่หลายประเทศ มุ่งหวังที่จะมาเยือนหลังจากผ่านวิกฤติโรคระบาดในครั้งนี้ โดยเฉพาะเกาะสมุย และพงัน ที่ยังคงเป็นเกาะสวรรค์สำหรับทุกคนที่เคยมาเยือน
วางกลยุทธ์รับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) หรือ RP กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์ตอบรับนักท่องเที่ยวเมื่อเปิดประเทศอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นคนไทย คนท้องถิ่น จนกว่าทุกประเทศเปิดเมืองพร้อมกัน และทุกสนามบินเปิดให้บริการอีกครั้ง จึงจะทำการโปรโมทในกลุ่มชาวต่างชาติต่อไป เพื่อให้ทุกอย่างกลับคืนมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เพราะเวลานี้ทั้งเกาะสมุย และเกาะพงัน เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะครอบครัวชาวต่างชาติที่ยังตกค้างภายในเกาะที่มีอยู่ประมาณเป็นพันคน
สำหรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของนักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีโควิด-19 โดยมีความต้องการที่พักเป็นหลัง มากกว่าอยู่ในห้องของโรงแรม เพราะกลัวการติดเชื้อ ดังนั้นเมื่อเมืองไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจึงควรต้องพร้อมในเรื่องการคัดกรอง และมาตรการสาธารณสุขที่จะต้องปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคกลับมาระบาดอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ต่างทำงานกันอย่างเต็มที่ จนจังหวัดในพื้นที่ทางภาคใต้ โดยเฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดโควิด-19
“ช่วงที่ผ่านมาลุ่มลูกค้าของเกาะสมุย พงัน และเกาะเต่าจะเป็นชาวยุโรป ซึ่งมีกำลังซื้อสูง แต่หลังจากเปิดประเทศ เริ่มบริการใหม่อีกครั้ง คงจะคาดเดาได้ยากถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ อย่าง จีน อินเดีย เวียดนาม รัสเซีย ที่จะกลับมาเมื่อไร และมีพฤติกรรมการใช้เงินอย่างไร แต่มั่นใจถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจากเดิมที่เข้ามาใช้บริการด้วยวันพักโดยเฉลี่ยประมาณ 2-3 วัน ก็น่าจะใช้เวลาพักนานขึ้น เนื่องมาจากอานิสงค์ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ทำให้คนจีนที่ตกค้างอยู่ในเกาะสมุย มีความสุขรู้สึกประทับใจ เพราะไม่ได้ถูกจำกัดบริเวณ แม้จะมีการเว้นระยะห่าง แต่ก็ไม่ได้ถูกจำกัดพื้นที่ ดังนั้นหน้าหนาวปีนี้คนกลุ่มดังกล่าวน่าจะพิจารณาเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการจึงต้องมีมาตรการรองรับให้ทุกคนอยู่ในพื้นที่มากขึ้น และนานขึ้น” นายอภิชาติ กล่าว
รัสเซียรอเวลามาเมืองไทย
ขณะที่ นางสาวอโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานมอสโก ประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ในกลุ่มของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ด้วยนโยบายรัฐบาลประเทศรัสเซียเวลานี้มีการปลดล็อกเป็นระยะๆ ดังนั้นในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงซัมเมอร์ของประเทศจึงมีความต้องการเดินทางในระยะใกล้ หรือท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่เมื่อรัฐบาลเปิดเมืองให้เดินทางข้ามประเทศก็น่าจะมีการเดินทางระยะไกล ซึ่งก็น่าจะเป็นเดือนตุลาคมเข้าช่วงหน้าหนาว และภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมา คือ เอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย อย่างสมุย ภูเก็ต และพัทยา เป็นต้น
“ตลาดรัสเซียนั้นยังชื่นชอบเกาะสมุย โดยในช่วงปี 2562 ทางททท.สำนักงานมอสโก ได้ทำงานร่วมกับ นอร์ดวินด์แอร์ไลน์นำชาร์เตอร์ไฟท์ไปลงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อข้ามฝั่งไปยังเกาะสมุย โดยในปีนี้แผนการตลาดยังคงเดิม ซึ่งถ้าทางรัฐบาลทั้งสองประเทศประกาศเปิดสนามบิน ทางนอร์ดวินด์ก็จะนำกลุ่มชาวรัสเซียเดินทางมาเกาะสมุยทันที เพราะก่อนที่จะมีไวรัสโควิด-19 นั้นได้มีการหารือการตลาดในช่วงซัมเมอร์ คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไว้ด้วย เพื่อวางแผนขายเกาะสมุยตลอดทั้งปี ทั้งนี้ทางททท.ได้ประสานการทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้อาจจะทันเดือนตุลาคมช่วงหน้าหนาว และไปเริ่มตลาดซัมเมอร์อีกครั้งในปี 2564” นางสาวอโนมา กล่าว
โดย นางสาวอโนมา กล่าวต่อว่า ในช่วงปกติจะมีชาร์เตอร์ไฟท์จากประเทศรัสเซียมาประเทศไทยประมาณ 8 แสนกว่าที่นั่ง ในช่วงหน้าหนาวประมาณเดือนตุลาคม มีประมาณมากขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับเที่ยวบินธรรมดาที่มีประมาณ 4 แสนกว่าที่นั่ง แต่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านไปแล้วนั้นแม้แผนการตลาดทางด้านเที่ยวบินยังเหมือนเดิม แต่ด้วยระเบียบปฏิบัติที่จะถูกนำมาใช้บนเครื่องบิน และสำคัญที่สุด คือ จำนวนที่นั่งน้อยลง ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่อีกครั้ง ถึงกระนั้นทางผู้ประกอบการฝั่งรัสเซียก็พร้อมที่จะเริ่มทำการขายตั๋ว และพร้อมออกเดินทางในช่วงเดือนตุลาคมนี้ โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวหลักๆ ของชาวรัสเซียนิยมเดินทางเป็นกลุ่มครอบครัว ช่วงอายุจะอยู่ระหว่าง 25-55 ปี เป็นกลุ่มวัยทำงาน โดยมามาจากกรุงมอสโก กว่า 60%
ในปัจจุบันเกาะสมุยมีโรงแรมทั้งหมดราว 600 แห่ง มีห้องพัก 30,000 ห้อง เคยมีรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 40,000 ล้านบาท แต่เวลานี้ขายห้องพักได้ไม่ถึง 1,000 ห้อง ล่าสุดสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส ได้เริ่มทำการบิน วันละ 2 เที่ยวบิน เที่ยวละ 70 ที่นั่ง โดยภาคการท่องเที่ยวเริ่มขยับขึ้นประมาณ 10% มีนักท่องเที่ยว 1,500-2,000 คน จากเดิมที่มีชาวต่างชาติ 90% ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็นศูนย์